สธ.สั่งเข้มยึด 6 หลัก 6 เสริม และ 7 เข้ม ลดความเสี่ยงเรียน On Site - hongpagkru

6 พ.ย. 2564

สธ.สั่งเข้มยึด 6 หลัก 6 เสริม และ 7 เข้ม ลดความเสี่ยงเรียน On Site

 


โฆษกรัฐบาล เผย ภาพรวมตัวเลขการฉีดวัคซีนเด็กนักเรียนแล้วกว่า 3.11 ล้านราย เกินกว่า 80% ครูและบุคลากรทางการศึกษาทุกสังกัด ฉีดครบ 2 เข็มแล้วกว่า 561,007 ราย ขณะที่ สธ. เน้น 6 หลัก 6 เสริม และ 7 เข้ม ป้องกันโควิด-19 หลัง “นายกฯ” สั่งเข้มสร้างความปลอดภัยในสถานศึกษาทุกระดับ

วันนี้ (6 พ.ย.) นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามผลการเปิดการเรียนการสอนในรูปแบบปกติของนักเรียนทุกระดับชั้น ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 กำชับกระทรวงศึกษาธิการ และ กระทรวงสาธารณสุข เน้นมาตรการลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาด สร้างความปลอดภัยแก่นักเรียนทุกระดับชั้น

พร้อมเดินหน้าฉีดวัคซีนให้นักเรียนและบุคลากรการศึกษาให้ครอบคลุมมากที่สุด ทั้งนี้ กระทรวงศึกษาธิการ รายงานข้อมูล ณ 2 พฤศจิกายน มีโรงเรียนที่เปิดภาคเรียน On Site แล้วตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. ที่ผ่านมา กว่า 12,110 แห่ง จากจำนวนโรงเรียนทุกสังกัดทั้งหมด 35,193 โรงเรียน สำหรับโรงเรียนที่มีความพร้อม จะมีการหารือร่วมกันระหว่างครู นักเรียนและผู้ปกครอง เพื่อเปิดการเรียนการสอนแบบปกติในระยะต่อไป ขณะนี้หลายโรงเรียนยังมีรูปแบบการเรียนผสมผสาน ทั้ง onsite+online และ รูปแบบ onsite+onhand ด้วย

นายธนกร กล่าวว่า ล่าสุด กระทรวงสาธารณสุขยังให้โรงเรียนทุกแห่งยึดปฏิบัติตาม 6 มาตรการหลัก (DMHT-RC) เพิ่ม 6 มาตรการเสริม และมี 7 มาตรการเข้ม เพื่อลดความเสี่ยงในสถานศึกษา ดังนี้ 6 มาตรการหลัก (DMHT-RC) ได้แก่ เว้นระยะห่าง สวมหน้ากาก ล้างมือ คัดกรองวัดไข้ ลดการแออัด และทำความสะอาด เพิ่ม 6 มาตรการเสริมในการดูแลตนเอง ได้แก่ ใช้ช้อนกลางส่วนตัว ทานอาหารปรุงสุกใหม่ และทะเบียนเข้าออก สำรวจตรวจสอบ และกักกันตนเอง รวมทั้ง 7 มาตรการเข้ม คือ ประเมิน TSC+ (Thai Stop COVID+) และรายงานผลผ่าน MOE COVID อย่างต่อเนื่อง จัดให้มีการทำกิจกรรมแบบกลุ่มย่อย (Small Bubble) ปรุงอาหารตามหลักสุขาภิบาลอาหารและหลักโภชนาการ ดูแลด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม อากาศ น้ำ ขยะ มีแผนซักซ้อมและเผชิญเหตุ (School Isolation) ดูแลการเดินทางจากบ้านไปโรงเรียน (Seal Route) และในทุกสถานศึกษานักเรียน ครู และบุคลากร ได้รับวัคซีนจำนวนมากที่สุด อย่างน้อย 85% (School Pass) เพี่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ในการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในกลุ่มนักเรียน ครู และโรงเรียน สำหรับ ภาพรวมการฉีดวัคซีนฯ ให้แก่นักเรียนช่วงอายุ 12 ปีขึ้นไป ประกอบด้วย นักเรียนชั้น ป.6/ม.1-ม.6 นักศึกษา ปวช.1-3/ปวส.1-2 ณ ข้อมูล ณ วันที่ 5 พ.ย. 64 มีผู้ที่แสดงความประสงค์ 3,856,257 ราย ได้รับวัคซีนฯ แล้ว 3,110,016 ราย คิดเป็น 80.65% และการฉีดวัคซีนให้กับครูและบุคลากรทางการศึกษาทุกสังกัด แบ่งเป็น เข็มที่ 1 จำนวน 809,783 ราย เข็มที่ 2 จำนวน 561,007 ราย และจะเร่งฉีดวัคซีนให้กับครูและบุคลากรที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนอีกประมาณ 84,604 ราย ต่อไป

“ท่านนายกรัฐมนตรียังได้ติดตามความเรียบร้อยในการเปิดการเรียนการสอนในรูปแบบปกติ แม้ขณะนี้ จะมีครู นักเรียน และบุคลากรการศึกษา ที่ได้รับการฉีดวัคซีนจะเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังฝากให้ทุกคน ยังจำเป็นต้องปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขขั้นสูงสุดแบบครอบจักรวาล โดยผู้ปกครองต้องกำชับบุตรหลาน ให้ปฏิบัติตนในการป้องกันโควิด-19 เมื่ออยู่ในโรงเรียน เพื่อลดอัตราเสี่ยงในการได้รับเชื้อหรือแพร่เชื้อ เมื่อกลับถึงบ้านให้รีบทำความสะอาดร่างกาย และคอยหมั่นสังเกตสมาชิกในครอบครัว ทั้งนี้ หากสงสัยว่าได้รับเชื้อให้รีบตรวจ ATK พร้อมกักตัวแยกจากคนในบ้าน หรือติดต่อไปยังสายด่วน 1422 กรมควบคุมโรค เพื่อรับคำแนะนำในการปฏิบัติที่ถูกต้องด้วย” นายธนกร กล่าว